postheadericon การปราถนาให้พ้นทุกข์ของคนเรา

 

 

                        การปราถนาพระนิพพานในชาตินี้

 นะโมตัสสะ  ภัควะโต  อะระหะโต  สัมมาสัมพุท ธัสสะ ฯ

คนเรานี้  ย่อมมีความปรารถนาหลายอย่าง    แต่ความปรารถนา  ที่ดี  หรือที่ควรปรารถนานั้น  ก็มีอยู่  3 อย่าง  คือมนุษย์สมบัติ   สวรรค์สมบัติ   พระนิพพานสมบัติ  การปรารถนาความดี    คือมนุษย์สมบัติ   สวรรค์สมบัติ   พระนิพพานสมบัติ   อันนี้เป็นความปราถนาที่ดี    ทีนี้ก็มีบางคน  พูดว่า  ข้าพเจ้า  ปรารถนานิพพานสมบัติปรารถนาจะให้สำเร็จ   ถึงพระนิพพานในชาตินี้  ผู้ที่ปรารถนาหรือที่กล่าว  นั้นเป็นใคร   ก็คือ เป็นคนชาวบ้าน  คนธรรมดาของเราดีๆนี้เอง   ปรารถนานิพพานในชาตินี้  ท่านผู้ฟังทั้งหลาย   อย่างนี้ก็นับว่าเป็นความปรารถนาที่ดี   หรือที่ถูก  เพราะความปรารถนาพระนิพพานนั้น คือเป็นความพ้นทุกข์   หรือถึงสุขอย่างยิ่ง   คือบรมสุข   การปรารถนาของท่านดังที่ได้กล่าวมาแล้วนี้นั้น   ก็เป็นข้อที่น่าคิดอยู่ประการหนึ่งว่า   ความปรารถนาของท่าน  ทั้งๆที่เป็นฆราวาส    ครองบ้าน ครองเรือนอยู่   แล้วก็ปรารถนาให้สำเร็จ  ให้ถึงพระนิพพานสมบัติ ในชาติปัจจุบันนี้   จะสำเร็จได้อย่างไร   หรือจะสำเร็จได้นั้น มันก็จะต้องทำเหตุให้ถึงพร้อม  คือพร้อมด้วยเหตุอันจะถึงซึ่งนิพพานสมบัติ  แต่เพียงปรารถนานิพพานสมบัติในชาตินี้  แต่ไม่ทำเหตุให้มันถึงพร้อม  ท่านพระคุณเจ้าหลวงพ่อว่า  มันเป็นไปไม่ได้   คือจะสำเร็จถึงพระนิพพานไม่ได้  ก็จะเปรียบเหมือนกับว่า ไม้ดิบ  มันแช่อยู่ในน้ำ   จะให้เอามาทำฟืนมาสีไฟ  หรือเอามาก่อไฟ   มันก็ติดไฟไม่ได้   ลุกเป็นไฟไม่ได้เพราะเป็นไม้ดิบ  เมื่อเอาฟืนนั้นขึ้นมาจากน้ำ  แต่ถ้าเป็นไม้แห้ง  แล้วเอาออกจากน้ำ  ก็มีโอกาส ที่จะเอามาสีไฟ      หรือก่อไฟให้ติดได้  ฉันใดก็ดี   ผู้ที่ครองบ้าน  ครองเรือน  อยู่กับโลกธรรม  ก็เหมือนกับว่าเป็นไม้   อาจจะเป็นไม้แห้งก็ได้  แต่ว่าแช่เป็นไม้ชื้นอยู่ในน้ำ    เอามาสีไฟ  จะติดทันทีก็เป็นไปไม่ได้   ก็หาโอกาส  ให้มันตากลม  ตากแดดให้มันแห้ง    เมื่อสมควรจึงจะสีไฟติด ขึ้นมาได้ ฉันใดก็ดี  ผู้ครองเรือน อยู่ด้วยเย้า  อยู่ด้วยเรือน  การครองเรือน  มีการทำมาหากิน   มีการรักษาสมบัติ   บ้านเรือนหวงแหน  มีการถือว่าไอ้นั่นของกู  ไอ้นี่ก็ของกู   สิ่งเหล่านี้ มันก็เหมือนกับน้ำชุ่ม  อยู่ด้วยน้ำเหมือนกับน้ำชุ่ม  หรือยางที่อยู่ติดไม้   ก็คือกิเลส   อันว่าของกู   หรือตัวกู สิ่งเหล่านี้นั้นนะ   มันตรงกันข้ามกับพระนิพพาน  ก็เพราะฉะนั้น  การจะทำให้ถึงพร้อม  ซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนั้น  ก็ทำให้ถึงพร้อมปัจจุบันเสียก่อน   ด้วยการสลัด  สลัดก็คือ  สละทุกสิ่งทุกอย่าง   ทรัพย์สินเงินทอง ทรัพย์สมบัติ   ไร่นาสาโท   ทุกอย่างที่เขาหวงแหนกัน   แล้วก็ถือบวช   กระทำในใจหรือถือเพศพรหมจรรย์   อันนี้ก็เรียกว่าเป็นมูลฐาน  อันที่จะทำให้แจ้ง ในชาติปัจจุบันได้    แต่ถ้ายังเป็นเพศครองเรือนอยู่  ดังที่ได้กล่าวมาข้างต้น   ก็ย่อมจะเป็นไปได้ยาก   อันที่จะเข้าถึงซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ ว่าเป็นไปไม่ได้นั่นเอง   แต่ถ้าทำเหตุให้มันเป็นไปตามขั้นตอน   ก็จะสำเร็จได้   ถึงไม่สำเร็จในชาตินี้  ก็จะสำเร็จในชาติหน้า   คือได้ ถึงพระนิพพานในชาติหน้าได้  ขั้นตอนหรือมูลฐาน  หรือเหตุให้ถึงพร้อม เบื้องต้น  หมายถึง  เหตุดังที่พระคุณเจ้ากล่าวมาแล้วข้างต้น    เช่นต้องการพระนิพพานในชาติปัจจุบัน  ถือเพศออกบวช  นุ่งขาว  ห่มเหลือง   หรือไม่เอาอะไรทั้งหมด   ปล่อยวางการยึดถือแล้วก็ปฏิบัติ  มุ่งไปสู่พระนิพพาน  ทำลาย   โลภะ   โทสะ   โมหะ    เจริญสมถะวิปัสสนากรรรมฐานไป  ก็จะสำเร็จในชาติปัจจุบันเรา  อันนี้เป็นมูลฐาน  หรือการถึงพร้อมเบื้องต้น   แต่ถ้าปรารถนาพระนิพพาน  แต่ว่าไม่ได้ปราถนาให้สำเร็จ   ในชาตินี้   มูลฐานเบื้องต้น   หรือการถึงพร้อมเบื้องต้น  เพียงแค่ ศีล  ๕   อยู่บ้านครองเรือน   อันนี้ก็เป็นเหตุให้ถึงพระนิพพานในชาติหน้า  ได้อย่างแน่นอน    ถึงไม่ถึงพระนิพพานในชาติหน้า  มันก็เป็นมูลเหตุให้เกิดในโลกสวรรค์  โลกทิพย์  โลกอันมีความสุข  หลังจากที่ตายในชาตินี้ไปแล้ว   มูลฐานเบื้องต้น  ที่ท่านพระคุณเจ้ากล่าว  คือ ศีล๕   นี้นั้น      อันนี้เป็นมูลฐานทั่วๆไป   คือให้ได้สำเร็จ  คือมนุษย์สมบัติ   สวรรค์สมบัติ   และพระนิพพานสมบัติ    แต่จะเมื่อใดนั้น   มันก็แล้วแต่โอกาส   หรือกาลเวลาที่จะมาถึง   ถึงจะเป็นคนที่มืดมาก่อน  เป็นคนที่ชั่วมาก่อน  เป็นคนไม่ดีมาก่อน    เป็นคนร้ายมาก่อน  เป็นโจรมาก่อน  เป็นคนฆ่าคนมาก่อน   แต่เมื่อมามี ศีล๕   มาสำนึกตน  และได้เอาถือ ศีล ๕  เป็นมูลฐาน  หรือเป็นทางถึงพร้อมเบื้องต้น    ก็จะเป็นเหตุให้ ได้สิ้นอบายภูมินรก   ไม่ต้องไปนรก   ไม่ต้องไปอบาย   เพราะศีล ๕   หรือมูลฐานเบื้องต้นนั้น  มีผล  ๒  อย่าง   คือผลขั้นแรก   ไม่ต้องไปตกในอบาย   ผลขั้นลำดับต่อมา   คือให้เกิดในแดนสวรรค์   หรือสุคติ  ผลต่อไปคือให้เข้าถึงพระนิพพาน    อันนี้คือเป็นสมบัติ  สุดท้าย   พระนิพพานเป็นสมบัติสุดท้าย     พระคุณเจ้า  จะขอเล่าเรื่องของคนชั่ว ท่านหนึ่ง  ....    alt                                                

แก้ไขล่าสุด (วันพุธที่ 25 กันยายน 2013 เวลา 11:27 น.)