postheadericon ยุคชาวครีวิไล

 ใต้หวัน  สิงคโปร์  ฟิลิปปินส์  อะไรเหล่านี้  ที่เป็นประเทศ เป็นเกาะๆ  ท่านว่ามันจะจมหายลงไปๆ เกือบหมด ท่านว่าอย่างนั้น นี้หมายถึงเมืองนอก  แล้วก็อีกประการหนึ่งเช่นภัยพิบัติ  อันจะมาก็เกี่ยวกับสงครามโลก นี้มันเป็นสงครามอะไร อันนี้เราก็จะเคยได้ยินกันมาบ้างแล้ว  ครั้งที่ ๒ ผ่านมาแล้ว แต่ครั้งที่ ๓ จะมาอีก ครั้งหนึ่งเป็นภัยพิบัติ  จะต้องทำสงครามล้างพลาญ ประหัต ประหารกัน  จนถึงความพินาศ อย่างใหญ่หลวงทุกสิ่งทุกอย่างที่ เกิดขึ้น วัตถุ สิ่งก่อสร้างในโลกนี้ จะสิ้นสูญลง สะแหลกสะหลายลงหมด สิ้นยุคสมัยวิทยาศาสตร์ความเจริญต่างๆเสื่อมหายไปจะหมดสิ้นลง    ท่านผู้ฟังทั้งหลาย นี้ก็คือก่อนที่จะถึงยุคขึ้นมาใหม่  แล้วก็ผู้คนจะถึงซึ่งอัสสัญญี  คือล้มหายตายจากภัยธรรมชาิติต่างๆ   จะสู้รบตบมือ  จะทำสงคราม  หรือว่าแผ่นดินถล่มแผ่นดินหายยุบลง ไปใต้น้ำเป็นท้องทะเล อะไรเหล่านี้ คนมันจะสิ้นชีวิตลงไปเป็นอันมากมาย  ๑๐ จะเหลือใน ๑ หรืออาจจะ ไมุ่ถึงเสียด้วยซ้ำไป  คือความหมาย ๑๐ ใน๑ เปรียบหมายถึง ๑๐ นั้นจะหมดไปเหลือแค่ ๑  ถ้าเปรียบอย่างนี้แล้ว มนุษย์เราจะหล่อยหลอลงไป   ผู้คนจะล้มหายตายไปจนเหลือน้อยเพราัะฉะนั้น วิทยาการต่างๆ มันจะเสื่อมถอยไปด้วย  การทำสร้างสรรค์วิทยุ  โทรทัศน์ อาวุธอะไรต่่างๆ เหล่านี้ ที่ทำกันขึ้นมันจะหมดไป  วิทยุเราก็ไม่ได้ฟังกันแล้ว  โทรทัศน์หนังอะไรเหล่านี้ก็จะไม่ได้ดูกันแล้ว หรืออะไรต่ออะไรนี้  มันจะำไม่มีกันแล้วตลอดจนวิทยาศาสตร์   การสร้างสรรค์ต่างๆก็จะหมดไป  กลายเป็นคนยุคป่า ยุคเถื่อนกันอย่างนั้นละหรือ    ท่านผู้ฟังทั้งหลาย   แล้วท่านก็มาว่าประเทศไทย ซึ่งนับว่ามีโชคดีกว่าเปิ้นท่านว่าอย่างนั้น    ที่ว่ามีโชคดีกว่าเปิ้นก็ได้แก่ ประเทศไทย มีพระพุทธศาสนา มีผู้ปฏิบัติธรรม อยู่ในศีลในธรรมกันมากกว่าประเทศอื่น กว่าเมืองอื่นๆ รู้จักการมีศิล  รู้จักให้ทาน รู้จักการเข้าวัดวา  รู้จักบำเพ็ญบารมีทั้ง ๗ ประการแล้วคนประเทศอื่นก็จะเหลือน้อย  อย่างที่ได้กล่าวมาแล้วนั่นแหละ  ที่เหลืออยู่ก็จะเป็นคนมีสติไม่สมบรูณ์  กลายเป็นคนใบ้ คนบ้า เสียสติ วิปลาสไป ที่ผู้คนต้องซึ่งถึงความวินาศ  ซึ่งทำใจไม่ได้ก็กลายเป็นคนเสียสติไป   ทีนี้คนไทยที่มีพระพุทธศาสนา ได้ฟังธรรมของท่านผู้รู้ ก็รู้เท่าทันของสภาวะธรรมอันเปลี่ยนแปลงไป  คือกฎอนิจจังไม่เที่ยงแล้วก็มาปลงอนิจจังไม่เที่ยง  ก็ทำให้มีจิตใจเข้มแข็งขึ้นมาไม่ต้องเสียสติ   แต่คนที่มีจิตใจเบาไม่เข้าวัดไม่เข้าวา ไม่รู้จักภาวนากรรมฐาน  ไม่รู้จักความแก่ ความเจ็บ ความตายก็จะกลายเป็นคนที่เสียสติ มีจริตไม่สมบรูณ์ไป    ข้อที่ว่าภาคใต้จะจมหายไปด้วยคลื่น ด้วยลม ด้วยน้ำ  ด้วยแผ่นดินไหวอะไรเหล่านี้  แล้วจะจมหายไปเป็นบางส่วนๆ    แล้วก็มาภาคกลางท่านว่า  กรุงเทพฯ จะกลายเป็นทะเล เมืองที่ใกล้ กรุงเทพฯก็จะกลายเป็นทะเลไปด้วย    ท่านผู้ฟังทั้งหลายนี้  วันนี้พูดถึงภาคกลางเพราะแผ่นดินจม  แผ่นดินสั่นสะเทือน  แผ่นดินทรุด กลายเป็นทะเลไป   แล้วก็มาพูดถึง ภาคหนือ  แผ่นดินไหว แล้วตลอดทั่วประเทศจะมืด ๓ วัน ๓ คืน  อากาศจะวิปริต  แล้วก็จะมีอะำไรที่เกิดขึ้น เช่น  แผ่นดินไหว  แผ่นดินร้อน  แผ่นดินยก  แล้วจะมีไฟพุ่งขึ้นจากใต้พื้นพิภพ   ก็ทำให็อากาศมืดมนต์ อนตระการ  แปรปรวน สนั่นหวั่นไหว  ภูเขาแผ่นดินจะล้ม จะละลายจะทรุดไปเป็นบางที่ๆ บางแห่งๆ  อันนี้ก็เป็นคำเล่าของท่านที่เล่าไว้   และส่วนภาคอีสานก็มีบางสิ่ง ที่สำคัญก็คือ จะมีโรคระบาด อันติดตามมาทีหลัง  และคนส่วนมากที่เหลืออยู่นั้น ก็ส่วนมากก็มีเป็นคนที่อยู่ในศีล ในธรรม  ส่วนคนที่ไม่มีศิลไม่มีธรรมนั้น    คนที่เป็นสัตว์นรกมาเกิด  คนชั่ว   คนร้าย  ก็จะมีอันเป็น จะมีอันหมดไปจากแผ่นดิน   ท่่านผู้ฟังทั้งหลาย อันนี้ก็คือว่าเป็นคำเล่า    คำเล่าอันนี้ก็ทำให้รู้สึกว่าเป็นคำที่รุนแรง  จึงทำให้คนฟังแล้วไม่น่าเชื่อ   ที่ว่าไม่น่าเชื่อคือที่ว่ามัีนไม่น่าจะเป็นไปได้    ตามความเห็นของพระคุณเจ้า  พระคุณเจ้าก็ว่าไม่น่าเชื่อเหมือนกัน    พระคุณเจ้าก็ไม่เชื่อเหมือนกัน ก็เชื่่อเป็นบางส่วนแต่ไม่เชื่อเป็นบางส่วน   ที่จะไม่เชื่อเป็นบางส่วนนั้นนะก็คือมันไม่น่าจะเป็นไปได้เพราะว่าใน ๑๐๐ ปี ๑๐,๐๐๐ ปี ๑๐๐,๐๐๐ ปี มันไม่เคยมีในประเทศไทยเรา แต่ประเทศอื่นๆที่เขามีกัน มันก็เป็นธรรมดา  อย่างภูเขาไฟระเบิดขึ้น พ่นไฟขึ้นมาจนบ้านเมืองเสียหาย ถล่มทะลาย บ้านไม่เป็นบ้าน เมืองไม่เป็นเมือง  อพยพกันทันก็รอด  หนีทันก็ทัน หนีไม่ทันก็ล้มตายกันระเนระนาด  แต่ก็เป็นธรรมดาในประเทศอื่นเมืองอื่น  นี้ก็เป็นธรรมดา ที่เกิดขึ้นเรื่อยๆแต่ในประเทศไทยเรานี้ไม่เคยมี  ประเทศไทยเรานี้มันอาจจะมีบ้าง แต่นิดๆ หน่อย แต่จะเป็นถึงขนาดนั้นมันก็คงไม่อาจเป็นอย่างนั้น  เพราะประเทศไทยเป็นเมืองที่งอกออก  คือ มีท้องทะเลตื้นๆ  เรียกว่าเป็นอ่าวเล็ก   ไม่เหมือนกับเมืองใหญ่ๆ ที่มีทะเลมหาสมุทรกว้างๆ  เมืองเล็กทะเลเล็ก  ทะเลตื้นอย่างนี้ คือ มันจะเป็นไปได้หรือจะจมหายไปเป็นเมืองๆ เป็นส่วนๆนั้นนะคงจะเป็นไปได้ยาก  เพราะตามที่่รู้ที่เห็นมา เมืองตื้นๆอย่างนี้ มีแต่จะงอกออกไป งอกกว้างออกไปๆ  เป็นหาดทราย นานไปก็มีต้นไม้ มีบ้านมีเรือน มีไร่มีนาขยายออกไป     คือบ้านเมืองไทยเรานี้มันเป็นอ่าวเล็ก อ่าวตื้น มันมีแต่จะงอกออกไปแต่เมืองอื่นไม่อาจจะรู้ได้    ทีนี้มันจะถล่มทลายเป็นบางส่วนเล็กๆน้อยๆ  อันนี้มันอาจจะมี เป็นคลื่นเป็นลมเป็นธรรมดา แต่จะถึงกับใหญ่โตหายไปเ็ป็นเมืองๆอย่างนี้  ก็ไม่น่าเชื่อ  กรุงเทพฯจะหายไปเ็ป็นท้องทะเลอย่างนี้ ก็ไม่น่าเชื่อเพราะมันไม่เคยมี  มันจะมีมันต้องมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปทีละน้อยๆ   แต่ที่กรุงเทพฯทรุดนั้นก็ทรุดจริงอยู่ เพราะมันทรุดมานานแล้ว อันนี้มันก็ไม่มีข้อน่าคิดอะไร    เพราะกรุงเทพฯนี้เป็นเมืองที่อยู่ในแหลมที่ยื่นออกไปในน้ำ   แล้วก็สร้างบ้านสร้างเมืองขึ้นมาสร้างตึกที่มีน้ำหนักมาก  แล้วอีกประการหนึ่ง ก็เอาน้ำในบาดาลสูบขึ้นมา สูบขึ้นมาใช้เป็นน้ำประปา  มันก็ทำให้พื้นแผ่นดิน นั้นกลวง แล้วก็มีแต่น้ำคววมๆอย่างนี้   มันก็ยุบลงไปได้ ทรุดลงไปได้ทีละน้อยๆ ปีหนึ่งก็ยุบลงไปที่หนึ่งๆ  ยิ่งมีน้ำท่วมมากอย่างนี้ด้วยแล้วก็ยิ่งทรุดลงไปมาก  ท่านผู้ฟังทั้งหลาย  อันนี้ก็เป็นธรรมดา อันนี้แผ่นดินทรุดก็ทรุดจริงอยู่แต่จะทรุดหายไปเป็นเมืองๆนั้น จมหายไปทันทีทันใดนั้นคงจะไม่มีอย่างนั้น  แต่ทุกวันนี้คนกรุงเทพฯเราหวนไปหาอดีตกาล เพราะอดีตกาล  ไม่ค่อยเดือดร้อนเหมือนในปัจจุบันนี้  สมัยปัจจุบันนี้  มันทำให้คนกรุงเทพฯค่อนข้างรู้สึกว่าไม่ค่อยจะม่วน  อากาศก็ไม่ค่อยจะดี น้ำก็ท่วมบ่อยๆ อย่างนี้ ก็แสดงว่าแผ่นดินมันต่ำลง  มีฝนตกมาหน่อยหนึ่งน้ำก็ท่วม  ไม่อาจที่จะแก้ไขได้  อันนี้แผ่นดินทรุดมันไม่ใช่จะทรุดไปทีเีดียว อย่างที่ท่านว่า ทีนี้การที่ค่อยๆทรุดนี้มันเป็นไปได้  ท่านผู้ฟังทั้งหลาย การที่ทรุดลงไปมันก็อาจจะมีโอกาสที่จะงอกขึ้นสูงขึ้นเหมือนกัน เราไม่อาจจะรู้ได้    เพราะโลกนี้มันไม่เที่ยง  แต่ถ้่่าเป็นสมัยเจริญยุคศรีวิไลย์หรือยุคต่อๆไป    มันอาจจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีก็ได้  ที่นี้มาพูดกันถึ



แก้ไขล่าสุด (วันพฤหัสบดีที่ 30 สิงหาคม 2012 เวลา 13:57 น.)