บทฝึกใจที่เรียกว่าภาวนา
บทฝึกใจที่เรียกว่าภาวนา
ผู้ปฏิบัติพึงเข้าไปในที่สงัด นั่งคู้บัลลังก์ยืดตัวตั้งให้ตรง ตามแบบที่ควร ( ดูพระพุทธรูป ) แล้วก็เริ่มวางใจ ให้ว่างเปล่า ให้ปราศจากเครื่องปรุงแต่งใดๆทั้งสิ้น ไม่หน่วงเหนี่ยวนิมิตตารมณ์ทั้งหลาย ทั้งที่ยินดี ทั้งที่ไม่ยินดี และทั้งที่เป็นกลางๆ จนกว่าจะหลุดพ้นถึงความว่างเปล่าได้ฉนั้น
อธิบาย ใจจะหลุดพ้นถึงความว่างเปล่าได้นั้น ก็ต้องเดินไปในหนทางอันเดียว ที่เรียกว่าหนทางเอก หนทางกลาง หนทางตรง หนทางเฉพาะ หนทางปัจจุบัน ระงับความเอียงหน้าเอียงหลัง เอียงเข้าเอียงออกเสีย แล้วกำหนดนิมิตตารมณ์ อย่างใดอย่างหนึ่งนั้นไว้ให้เห็นถนัดชัดเจนก่อน จะขอยกตัวอย่างง่ายๆ ซึ่งผู้
ปฏิบัติจะกำหนดรู้อารมณ์อันใดอันหนึ่งเป็นที่ตั้ง มีรูปารมณ์ เป็นต้น เช่น ผู้ปฏิบัติปรารภเกศาคือ ผมเป็นอารมณ์ ก็พึงกำหนดรู้ผมอยู่เฉพาะ คือทำจิตอยู่ที่เดียว มิให้เคลื่อนไหว มีจิตเป็นอารมณ์เดียวนี่แหละ จัดเป็นมรรครวม เป็นองค์ตรัสรู้อริยสัจ อนึ่งการปฏิบัติหลักนี้ ไม่เกี่ยวกับการที่จะต้องให้จิตสอดส่องหาเหตุผล ความต้องการทำจิตให้เป็นองค์เอก อยู่เท่านั้น ญาณอริยสัจนั้นจะเป็นของรู้เอง เป็นของเฉพาะ อย่าได้สงสัยเลย
การค้นคิดหาเหตุผลนั้น เป็นเรื่องของอวิชชา สังขาร ตัณหา อุปาทาน กรรมทั้งสิ้น เมื่อจิตของผู้ปฏิบัติไม่เป็นองค์เอก อันเป็นสุดหมายปลายทางแล้ว อะไรเล่าจะทำอวิชชา สังขาร ตัณหา อุปาทาน กรรม ให้ อัสดงคตดับไป
การทำนิมิตตารมณ์ จะเป็นรมณ์อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือนามอย่างใดอย่างหนึ่ง ให้หยุดอยู่กับที่ จนจิตรวมเป็นองค์เอกเฉพาะ ดังพุทธพจน์ ว่า
ตตฺถ ตตฺถวิปสฺสติ
พึงเห็นนิมิตตารมณ์นั้น ในที่นั้นๆ
อสํหิรํ อสํกุปฺปํ
โดยไม่ง่อนแง่นไม่คลอนแคลน
การที่จิตมาทำนิมิตตารมณ์ อย่างใดอย่างหนึ่ง ให้หยุดอยู่กับที่ได้นี้ นี่แหละชื่อว่าจิตเดินไปในทางอันเดียว หนทางเอก หนทางกลาง หนทางตรง หนทางเฉพาะ หนทางปัจจุบัน จิตอย่างนี้เป็นจิตเข้าที่ใกล้นิพพานแล้ว
ครั้นเมื่อจิตมากำหนดนิมิตตารมณ์ ให้หยุดอยู่อย่างนี้ ได้ที่ดีแล้ว แล้วพึงละเสียซึ่งนิมิตตารมณ์ ที่จิตจับอยู่นั้นด้วยกำลังอีกที ฉันใดบุคคลผู้จะขึ้นสู่ฝั่งด้วยเรือ เมื่อเรือเข้าชิดฝั่งแล้ว พึงเหยียบที่สุดแห่งเรือไว้ให้มั่น แล้วพึงขึ้นสู่ฝั่งด้วยกำลังแห่งตน ทิ้งเรือไปเสียฉะนั้น ทันใดนั้นใจก็จะแปลสภาพว่างเปล่า หมดจากนิมิตตารมณ์ทั้งหลาย นิมิตตารมณ์ทั้งหลายย่อมไม่ปรากฎแก่ใจ เหมือนบุคคลผู้ลืมตาขึ้น ความมืดของเปลือกตาย่อมหายไป ไม่ปรากฏ แก่ตาฉะนั้น ย่อมถึง อกาลิกธรรม, สันทิฎฐิกธรรม ถึงฝั่งวิมุติ ทุกข์ดับ
มุญฺจุเร มุญฺจปจฺฉโต มชฺเฌ มุญฺจ ภวสฺสปารคู
สพฺพตฺถ วิมุตตมานโส นปุนชาติ นชรํ อุเปหิสิ
ปล่อยหน้า ปล่อยหลัง และปล่อยในท่ามกลางด้วย จักถึงฝั่งแห่งภพ มีใจพ้นแล้วในสังขารธรรมทั้งปวง ไม่ต้องเข้าถึงชาติ และชราอีกฯ
จบแนะวิธีภาวนา ด้วยการทำจิตให้ปราศจากเครื่อง ปรุงแต่ง ถึงฝั่งนิพพานเป็นที่พ้นทุกข์ฯ
บทความโดย หลวงพ่อดาบส สุมโน
นั่นละ” |
โอ้ !!เป็นเช่นนี้เองหนอ ...ที่ท่านกล่าวไว้ว่าให้ยึดถือทางสายกลาง
แก้ไขล่าสุด (วันอาทิตย์ที่ 20 เมษายน 2014 เวลา 04:56 น.)